Ford Focus 5 ประตู หนึบแน่น ในราคาเบาๆ

โดยส่วนตัวแล้วผมรู้สึกชอบรถรุ่นนี้เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว พอได้มีโอกาสลองใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ (ใช้รถที่ซื้อมาขายราวๆ 1 เดือน) เลยยิ่งรู้สึกชอบเข้าไปใหญ่ ก็เลยอยากจะลองเอามาแนะนำให้กับท่านใดที่กำลังมองหารถมือสองอายุราวๆ 7-9 ปีราคาไม่แพงมากเอาไว้พิจารณาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกกัน รถที่ผมจะพูดถึงก็คือ Ford focus 2.0 S 5Dr โฉม 04-08 ครับ

มาเริ่มที่ภายนอกกันก่อน รถรุ่นนี้ได้ความโดดเด่นและปราดเปรียวจากการออกแบบ ทั้งซุ้มโป่งล้อขนาดใหญ่และไฟหน้าโคมใหญ่ที่ดูลงตัวดีรับกับกระจังหน้าทำให้ดูบึกบันขึ้นอีกมากทีเดียว Ford Focus 5 ประตูหรือที่เรานิยมเรียกกันว่าแฮทซ์แบ็ก นั้นมีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้ง 1.8 ลิตร ในรุ่น เทรนด์ (Trend) และ 2.0 ลิตรในรุ่น สปอร์ต (Sport) ซึ่งก็มีรายละเอียดต่างกันนิดหน่อย ซึ่งตัวที่ผมพูดถึงก็จะเป็นตัวเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร รุ่นสปอร์ต ซึ่งจะมีออปชั่นมากกว่าไม่ว่าจะเป็น ชุดแต่งสเกิร์ตรอบคัน ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว (รุ่น เทรนด์ 15 นิ้ว) ไฟตัดหมอกหน้า

ส่วนอุปกรณ์ภายในที่มีมาให้ก็จะเป็นถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรกเอบีเอส (ABS) และระบบกระจายแรงเบรกอีบีดี (EBD) เป็นต้น สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ก็มีมาให้ครบครัน เช่น ก้านควบคุมเครื่องเสียงบริเวณคอพวงมาลัย ช่องเสียบเครื่องเล่น MP3 หรือ IPOD กระจกไฟฟ้าแบบวันทัช พร้อมระบบ Window Jam Protection ทั้ง 4 บาน จะทำงานเมื่อมีสิ่งกีดขวาง กระจกจะลดลงอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัยที่ไม่อาจมองข้าม ระบบแอร์ควบคุมอุณหภุมิอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา ซึ่งอันนี้ผมชอบมากๆนะ เพราะแฟนผมขี้หนาวแต่ผมชอบเปิดแอร์แบบเย็นสุด ที่นี่ก็ไม่ต้องมานั่งเบา-เร่งสลับกันไปมาละ ปรับของใครของมันไปเลย...จบ

เมื่อนั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับมีคือความรู้สึกว่ากระชับตัวดีเพราะเบาะนั่งทำมาในแนว Sport ออกแนวคล้ายๆกับ Bracket Seat วัสดุที่นำมาใช้ทำก็จัดได้ว่าดีเลยทีเดียว ทัศนวิสัยในการมองกระจกด้านข้างนั่นถือว่าใช้ได้ไม่แคบเกินไป แต่ในส่วนของกระจกมองหลังนั้นค่อนข้างแคบไปนิด อาจจะเพราะการออกแบบของตัวรถด้วย ซึ่งจะทำให้เห็นรถที่ตามมาข้างหลังลำบากไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าพอรับได้ โดยส่วนตัวผมจะใส่ใจเรื่องความเงียบในห้องโดยสารเป็นพิเศษ ซึ่งสำหรับ Ford Focus ต้องบอกว่าผ่าน เนื่องจากมีการเสริมซีลขอบยางประตูถึง 2 ชั้น รวมถึงการใช้โฟมชนิดพิเศษ สำหรับลดเสียงรบกวนจากภายนอก ทั้งเสียงเครื่องยนต์ เสียงลม และเสียงจากพื้นถนน ก็ทำได้ในระดับที่น่าพอใจ

ขณะที่ลองมานั่งในเบาะหลังรู้สึกว่าหลังคาห้องโดยสารบริเวณใกล้ๆขอบกระจกหลังจะเตี้ยไปหน่อย อาจเป็นเพราะการออกแบบที่ต้องการให้ด้านท้ายดูลาดเอียง ทำให้คนที่สูงเกิน 175 เวลาจะเอาหัวพิงกับหมอนรองอาจจะลำบากไปสักนิด แต่ที่ผมชอบในรถรุ่นนี้อีกอย่างก็คือมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลังด้วย ซึ่งส่วนมากจะเห็นในรถระดับที่แพงกว่านี้ ขณะที่เบาะหลังสามารถพับปรับได้แบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระ

ส่วนตัวเครื่องยนต์ ดูราเทค 2.0 ลิตร DOHC 16 วาล์ว นั้นให้กำลังสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 185 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ที่ไม่ถึงกับอืด อัตราสิ้นเปลืองก็อยู่ราว 7-14 ก.ม./ลิตร ขึ้นอยู่กับสภาพจราจรและวิธีการขับ และสำหรับจุดที่เด่นมากๆของ Focus ซึ่ง Ford เองก็มีชื่อเสียงในเรื่องนี้อยู่แล้ว ก็คือพวงมาลัยเพาเวอร์ แบบ Eledtro-Hydraulic ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาทำงานร่วมกับระบบไฮโดรลิค ซึ่งจะช่วยผ่อนแรงในการควบคุมรถที่ความเร็วต่ำ แต่เมื่อขับขี่ในความเร็วสูงระบบจะหน่วงพวงมาลัยให้หนักขึ้น ส่งผลให้บังคับได้อย่างมั่นใจ และแม่นยำ และถ้าเอากันจริงๆเลยนะ จากที่เคยขับรถในระดับนี้มาแล้วหลายๆรุ่นไม่ว่าจะเป็น Altis , Civic , Tiida ผมว่าพวงมาลัยของ Focus นั้นจัดได้ว่าคมที่สุด ส่วนช่วงล่างเกาะถนนเป็นเยี่ยม เวลาเข้าโค้งแล้วส่งความเร็วเกิน 120 ขึ้นไป ก็ให้การทรงตัวดี และรู้สึกที่เหนียวแน่นมาก ยิ่งเวลาเปลี่ยนเลนกะทันหัน ยามขับขี่ในเมืองจะไม่มีอาการส่ายให้เห็น เรียกว่าหนักแน่น หนึบหนับดีทีเดียว

มาถึงการซ่อมบำรุงกันบ้าง หลายๆคนที่กำลังจะซื้อรถมือสอง แน่นอนเลยว่าเรื่องนี้เป็นหัวข้อใหญ่ที่ช่วยในการตัดสินใจ จากที่ผมศึกษาข้อมูลจากในเว็บของ Ford focus club จะเห็นว่าเดี๋ยวนี้ศูนย์บริการของรถยี่ห้อนี้มีการพยายามปรับปรุงบริการขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีอู่นอกที่ให้บริการดีๆอยู่อีก แต่สำหรับคนที่อาจจะไม่ค่อยรู้เรื่องรถมากนักและไม่ค่อยมีเวลาศึกษาข้อมูลทางด้านนี้มากนักก็อาจจะลำบากซักหน่อย

สรุปๆเลยแล้วกันนะ ใครที่มองหารถมือสองราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับออฟชั่นที่มีมาให้ครบที่รถในรุ่นนี้มีให้ Ford Focus 5 ประตู น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ยิ่งใครชอบรูปร่างหน้าตาของมันเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งน่าจะถูกใจมากขึ้นไปอีก เพราะถ้าเทียบกันแล้วจ่ายเงินเท่ากัน ถ้าไปซื้อรถยี่ห้อที่ตลาดนิยมก็จะได้ออฟชั่นที่น้อยกว่าหรือออฟชั่นที่เท่ากันแต่ผ่านอายุการใช้งานที่มากกว่า รถโทรมกว่า แต่ยังไงเรื่องความชอบเนี่ยมันก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลอ่ะนะ คงเอาความรู้สึกของผมคนเดียวมาตัดสินไม่ได้ เอาเป็นว่าผมแนะนำให้ลองศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งอื่นๆ แล้วถ้าสนใจจริงๆก็หาช่างหรือคนที่รู้จักที่ดูรถเป็นไปช่วยดู และทดลองขับเพื่อความมั่นใจก่อนซื้อก็แล้วกันครับ


ธนกฤต

www.154car.com